หากพูดถึงวิธีในการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจออนไลน์ที่มีเว็บไซต์ การทำ SEO (Search Engine Optimization) ถือเป็นเทคนิคของการทำธุรกิจออนไลน์ที่จะทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ สร้างลูกค้าใหม่ ๆ จนนำไปสู่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นในที่สุด
ปัจจุบันการทำ SEO ก็มีตัวช่วยมากมายที่จะทำให้การทำ SEO ของคุณนั้นง่ายและเห็นผลได้เร็วขึ้นไม่ว่าจะลองสมัครคอร์สเรียน SEO ด้วยตัวเอง หรืออีกตัวเลือกก็คือการเลือกใช้งานบริษัทรับทำ SEO ซึ่งต้องยอมรับว่าวิธีหลังกำลังเป็นที่นิยมจากบริษัทต่าง ๆ มากขึ้น เพราะประหยัดเวลาและได้ผลลัพธ์กว่าลองศึกษาเอง
ซึ่งการที่คุณจะเริ่มมองหาบริษัทรับทำ SEO ที่ได้ผลลัพธ์นั้นคุณจำเป็นต้องศึกษา วิธีเลือกบริษัทรับทำ SEO ที่ถูกต้องก่อน เพื่อเป็นการเตรียมความรู้ให้ตัวคุณก่อนให้บริษัทรับทำ SEO เข้ามาดูแลการทำงานและป้องกันไม่ให้คุณถูกโกงจากบริษัทที่ไม่หวังดี จะมีอะไรที่คุณควรรู้ก่อนบ้าง ติดตามต่อได้ในบทความ
Table of Contents
Toggle1. SEO คืออะไร ?
SEO (Search Engine Optimization) คือ วิธีการทำให้เว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพมากขึ้นเพื่อเพิ่มจำนวนการเข้าชม (Traffic) จากผลการค้นหาในคำค้นหา (Keyword) แต่ละคำ ให้ง่ายต่อการค้นหาของ Search Engine เช่น Google โดยการทำ SEO นั้นจำเป็นที่จะต้องอาศัยเทคนิคการปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ บนหน้าเว็บไซต์ให้ตรงกับเกณฑ์การพิจารณาอันดับการแสดงผลของ Search Engine
ทั้งนี้ก็เพื่อให้เว็บไซต์ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของธุรกิจคุณ ติดอันดับการค้นหาอันดับต้น ๆ หรือหน้าแรกของ Search Engine นั่นเอง ยิ่งเว็บไซต์ของคุณทำอันดับบนหน้าการค้นหาได้ดีมากเท่าไร โอกาสที่ผู้ใช้งานหรือว่าที่ลูกค้าจะเห็นเว็บไซต์และกดเข้ามาเยี่ยมชมในเว็บไซต์ก็มีมากขึ้น
โดยเทคนิคในการทำ SEO ก็จะสามารถแตกย่อยไปได้หลายเทคนิค แต่เทคนิคหลัก ๆ จะมีความเกี่ยวข้องกับการปรับแต่งให้เว็บไซต์ของคุณมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้คนค้นหามากขึ้น เช่น การสร้างคอนเทนต์คุณภาพที่ต้องมี Keyword อยู่ในคอนเทนต์เพื่อให้ Search Engine ตามหาเว็บไซต์เจอและจัดอันดับได้
หรือจะเป็นเรื่องของการปรับแต่งเชิงเทคนิคบนเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น On-Page หรือ Off Page สร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานให้กับ Users เพื่อทำให้ Search Engine สนใจเว็บไซต์ของเรามากขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคหลักของการทำ SEO ที่คุณควรต้องทราบไว้บ้างครับ
2. ทำไมการทำ SEO ถึงสำคัญ ?
การทำ SEO ถือว่ามีความสำคัญกับการทำธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบัน เพราะการทำ SEO จะเข้ามาช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Traffic) ของธุรกิจเราให้มากขึ้นได้ เพราะเว็บไซต์ของเราจะก้าวขึ้นไปติดอันดับต้น ๆ ของหน้าการค้นหา
ทำให้เมื่อเวลาที่ลูกค้าเกิดการค้นหาด้วย ‘คีย์เวิร์ด’ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจคุณ ก็จะพบเข้ากับเว็บไซต์ของคุณอยู่ในหน้าแสดงผลการค้นหาเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งก็เหมือนที่กล่าวไปว่า ถ้าเว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับต้น ๆ มากเท่าไร โอกาสที่ลูกค้าจะกดเข้ามาเพื่อเยี่ยมชมเว็บไซต์ หรือซื้อสินค้า/บริการ ในเว็บก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้นอ้างอิงจากสถิติของ Chitika พบว่าพฤติกรรมผู้ใช้งาน Google กว่า 91.5% จะค้นหาเว็บไซต์ที่ตัวเองต้องการแค่หน้าแรกของการค้นหาเท่านั้น ซึ่งเท่ากับเหลือไม่ถึง 9% ที่จะยอมกดไปหน้าถัดไปของการแสดงผลการค้นหาบน Google
และมากกว่านั้นหากเจาะเพียงแค่สถิติในหน้าแรกของการค้นหาพบว่าผู้ใช้งานกว่า 33% จะเลือกค้นหาเพียงแค่เว็บไซต์ที่ได้อันดับต้น ๆ ของหน้าแรกเท่านั้น ส่วนช่วงล่างของหน้าแสดงผลการค้นหาจะเหลือผู้ใช้งานไม่ถึง 20% เท่านั้นที่จะเลื่อนลงไป
ดังนั้นหากคุณต้องการทำให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จัก หรือต้องการสร้างธุรกิจให้เป็นที่รู้จักโดยใช้เว็บไซต์เป็นเครื่องมือ ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการทำ SEO เป็นอย่างยิ่ง เพราะหากเว็บไซต์ของคุณมีการทำ SEO ที่ดี จนทำให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าต้น ๆ บนหน้าการค้นหาของ Keyword นั้น ๆ ได้แล้ว “ลูกค้า” และ “ยอดขาย” ที่เพิ่มขึ้นก็จะตามโดยอัตโนมัตินั่นเอง
3. SEO กับ Google Ads แตกต่างกันอย่างไร ?
การทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้น ๆ ในหน้าแสดงผลของ Search Engine จริงอยู่ว่าการทำ SEO ถือเป็นวิธีที่ดีและยั่งยืนที่สุด แต่มันก็ต้องแลกมาด้วย “ระยะเวลา” ที่ต้องใช้ระยะเวลาเป็นหลักเดือนกว่าจะเห็นผล รวมถึงผลลัพธ์ที่ได้ ที่ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกล้วน ๆ เช่น คู่แข่งใน Keyword เดียวกัน เป็นต้น
แต่อย่าเพิ่งถอดใจไปเพราะการทำเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรกของ Google ได้นั้นไม่ได้มีเพียงแค่การทำ SEO อย่างเดียวเท่านั้น เพราะคุณยังสามารถใช้ “เงิน” แก้ปัญหานี้ได้ด้วยการใช้งาน Google Ads ในการซื้อโฆษณาบนพื้นที่หน้าแรกของการแสดงผลค้นหาของ Keyword นั้น ๆ ทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ ของหน้าการค้นหาได้เช่นเดียวกัน
ซึ่งต้องบอกว่า Google Ads มีความแตกต่างจาก SEO ตรงที่ Google Ads เป็นเหมือนการซื้อพื้นที่โฆษณาในหน้าแสดงผลการค้นหาของคีย์เวิร์ดนั้น ๆ บน Google (นักการตลาดจะเรียกว่า Paid Search) ส่วน SEO จะต้องอาศัยการปรับแต่งเว็บไซต์ การเขียนคอนเทนต์ เพื่อให้ถูกหลักเว็บไซต์ที่ Search Engine ชอบ โดยที่จะไม่มีเรื่องของค่าใช้จ่ายเลย
โดย Google Ads จะเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มฐานลูกค้าอย่างรวดเร็ว เพราะการซื้อโฆษณาแบบ Paid Search นั้นเว็บไซต์ของคุณจะขึ้นไปอยู่ในพื้นที่บนสุดของหน้าการค้นหาเลย (อยู่บนกว่าเว็บไซต์อันดับ 1 แบบ SEO อีก) แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่าย ที่จะแพงหรือถูกก็ขึ้นอยู่กับปริมาณ Click ที่กดเข้าไปยังเว็บไซต์ของผู้ใช้งาน และแน่นอนว่าถ้าคุณหยุดการจ่ายเงิน เว็บไซต์ของคุณก็จะถูกปลดลงจากตำแหน่งนั้นทันที ดังนั้นหากอยากให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google ในระยะยาว SEO ตอบโจทย์กว่า
4. วิธีเลือกบริษัทรับทำ SEO ที่ดี เหมาะกับธุรกิจ ต้องพิจารณาจากอะไร ?
ในการเลือกบริษัทรับทำ SEO นั้นไม่ใช่เพียงสนใจจากราคา เห็นเจ้านี้ถูกสุด เราเลยเลือกเจ้านี้ หรือสนใจจากเทคนิคต่าง ๆ ที่พวกเขานำมาขายฝันให้คุณ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเหมาะกับธุรกิจของเราจริงไหม ดังนั้นในหัวข้อนี้เราเลยอยากแนะนำวิธีเลือกบริษัทรับทำ SEO ที่ดีและเหมาะกับธุรกิจคุณ ดังนี้
เลือกบริษัทรับทำ SEO ที่มีความรู้วิธีในการทำ SEO ที่ถูกต้อง
ก่อนที่จะเริ่มต้นจ้างบริษัทรับทำ SEO เข้ามาดูแลธุรกิจของคุณนั้น อันดับแรกคุณควรศึกษาถึง เทคนิคการทำ SEO ที่ถูกต้อง เช่น เทคนิคการทำ SEO แบบสายขาว (White Hat) ว่าในการทำ SEO ที่ถูกต้องนั้นต้องอาศัยเทคนิค มีกระบวนการอย่างไรบ้างในการทำ หรือลองพิจารณาจากบริษัทรับทำ SEO ที่สามารถอธิบายการทำงานของ SEO ได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน เน้นการทำคอนเทนต์ ไม่มีการพูดถึงทางลัด วิธีกลโกงต่าง ๆ วิธีนี้จะทำให้คุณเลือกบริษัทรับทำ SEO ที่ทั้งมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
ตรวจสอบ Performance ที่ผ่านมาของบริษัทรับทำ SEO แต่ละเจ้า
บริษัทรับทำ SEO ที่ดีนั้น ควรต้องมีสิ่งที่เปรียบเหมือนเป็น Portfolio หรือ Report บันทึกการเติบโตของธุรกิจลูกค้าที่เคยใช้บริการ หรือเทคนิคต่าง ๆ ที่บริษัทรับทำ SEO เจ้านั้น ๆ เคยสร้างการเติบโตให้กับลูกค้าเจ้าอื่น เช่น ผลลัพธ์จากการช่วยดันอันดับเว็บไซต์ในคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขัน มี Search Volume สูง แต่ก็สามารถพาเว็บไซต์ติดอันดับดีได้ เป็นต้น
เลือกบริษัทรับทำ SEO ที่เน้นการเติบโตของธุรกิจคุณเป็นสำคัญ
การเลือกบริษัทรับทำ SEO ที่ดีนั้น คุณควรพิจารณาจากบริษัทที่จะโฟกัสไปที่การเติบโตของธุรกิจคุณเป็นสำคัญ เพราะบริษัทรับทำ SEO หลายที่จะพูดถึงเพียงแค่การทำอันดับบน Google เพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้สนใจปัจจัยอื่น ๆ ของธุรกิจเลย
ดังนั้นคุณต้องมองหาบริษัทรับทำ SEO ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของการเพิ่ม Traffic , สร้าง Conversion/ Leads ให้กับธุรกิจคุณและที่สำคัญต้องมี Report สรุปผลการทำงานให้เราทุกสัปดาห์ด้วย เพื่อเป็นเหมือนการอัปเดตการทำงาน ว่าในช่วงที่ผ่านมานั้นบริษัทรับทำ SEO เจ้านั้น ๆ ทำอะไรให้เราบ้าง
มีสัญญาในการร่วมงานและราคาที่สมเหตุสมผล
สิ่งสำคัญที่บริษัทรับทำ SEO “ที่ดี” นั้นจะต้องมีคือ สัญญาจ้างที่เป็นลายลักษณ์อักษร ระบุข้อตกลงในการทำงาน รวมถึงสโคปงานที่จะต้องส่งมอบให้ชัดเจน แม้จะดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าบริษัทรับทำ SEO เจ้าไหนมีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย
นอกจากนั้นเรื่องของ “ราคาค่าบริการ” ก็ควรจะต้องสมเหตุสมผลไม่ถูกจนเกินไปและไม่แพงจนเกินจริง ซึ่งปกติแล้วในการรับทำ SEO ทั่วไปจะมีค่าบริการเริ่มต้นที่ 20,000 บาท ไปจนถึงหลักแสนก็มี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของโปรเจกต์ของธุรกิจคุณเองว่าสโคปงาน ความรับผิดชอบจะมีมากน้อยเพียงใด
5. ขั้นตอนในการเตรียมตัวก่อนเริ่มจ้างบริษัทรับทำ SEO
หากคุณตัดสินใจเลือกบริษัทรับทำ SEO ที่ต้องการได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการเตรียมตัวก่อนเริ่มทำ SEO อันดับแรกคือเรื่องของ “เว็บไซต์ธุรกิจ” ที่คุณต้องมีเป็นของตัวเอง เพราะการทำ SEO จะทำโดยไม่มีเว็บไซต์ไม่ได้ ซึ่งถ้าคุณมีเว็บไซต์ที่ใช้งานมาในระยะหนึ่งแล้วก็สามารถเริ่มต้นได้เลย
แต่สำหรับใครที่ยังไม่ได้มีเว็บไซต์หรืออยากเปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่ ก็ต้องเตรียมตัวในเรื่องของการ จดชื่อโดเมนหรือ “ชื่อของเว็บไซต์คุณ” โดยในการจดชื่อโดเมนนั้น ก็ถือว่ามีส่วนสำคัญต่อการทำ SEO เพราะเป็นการทำให้ผู้ค้นหารู้ว่าเว็บไซต์คุณเกี่ยวข้องกับอะไร และต้องง่ายต่อการสะกดเมื่อผู้ใช้งานต้องการค้นหาด้วย
หลังจากที่เว็บไซต์จดชื่อโดเมนเรียบร้อยแล้ว คุณก็สามารถจัดการเนื้อหาและคอนเทนต์ใส่ลงไปในเว็บไซต์ได้เลย เช่นบทความและรูปภาพต่าง ๆ ที่ถือเป็นส่วนสำคัญมาก ๆ ในการทำ SEO ซึ่งถ้าคุณมีการดีลกับบริษัทรับทำ SEO ไว้เรียบร้อยแล้ว หน้าที่ในด้านของการสร้างคอนเทนต์หรือปรับแต่งเว็บไซต์ต่าง ๆ ก็จะเป็นหน้าที่ของบริษัทรับทำ SEO ทั้งหมด เรียกว่าสะดวก รวดเร็วและประหยัดเวลากว่าการที่คุณต้องทำเองเยอะเลยครับ
6. ขั้นตอนการทำ SEO มีอะไรบ้าง ?
ต่อมาคุณต้องพอทราบถึงหลักการทำ SEO เบื้องต้นก่อนที่คุณจะเริ่มไปมองหาบริษัทรับทำ SEO โดยการทำ SEO แบบคร่าว ๆ จะมีขั้นตอนที่สำคัญดังนี้
- การทำ Keyword Research
Keyword Research คือ กระบวนการในการค้นหา Keyword หรือคำค้นหาที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งาน ที่ค้นหาใน Search Engine ซึ่งการทำ Keyword Research นั้นถือเป็นขั้นตอนแรกในการเริ่มทำ SEO ของคุณที่จะช่วยรู้ว่า Keyword ในแต่ละคำมีอัตราการแข่งขันมากน้อยเพียงใด ความยากง่ายในการทำอันดับ ปัจจุบันเว็บไซต์ไหนที่ติดอันดับอยู่ และยังเป็นการกำหนด Keyword ที่คุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับอีกด้วย
นอกจากนั้น ในกรณีที่คุณเห็นแล้วว่า Keyword ที่คุณต้องการมี Search Volume หรือปริมาณการค้นหาสูง คิดว่าสู้ไม่ไหวแน่ ๆ อยากจะลองเปลี่ยน Keyword ใหม่การทำ Keyword Research ยังเป็นอีกวิธีที่จะให้คุณได้ไอเดีย Keyword ใหม่ ๆ ด้วย
โดยคุณสามารถลองศึกษาเครื่องมือเหล่านี้ในการทำ Keyword Research ก่อนได้
- Google Keyword Planner [FREE]
- Ubersuggest [FREE]
- KWFinder [มีค่าใช้จ่าย]
- Ahrefs [มีค่าใช้จ่าย]
- Moz [มีค่าใช้จ่าย]
- มีการปรับแต่ง Title Tags, Meta Description ให้ดึงดูดผู้ใช้งาน
ทั้ง Title Tags และ Meta Description คือสิ่งที่จะปรากฏอยู่บนหน้าแสดงผลการค้นหา (SERP) ที่จะเป็นคำที่อธิบายว่าเว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับอะไร มีสินค้า/บริการอะไร ใช่สิ่งที่ผู้ใช้งานกำลังตามหาอยู่หรือไม่ ซึ่งต้องมี Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจคุณใส่ลงไปด้วยเสมอทั้ง Title Tags และ Meta Description
นอกจากนั้นยังเป็นอีกหนึ่งเทคนิคในการเริ่มต้นทำ SEO ที่จะช่วยให้ Search Engines หาเว็บไซต์คุณเจอได้ง่ายขึ้นเมื่อมีผู้ใช้งานเกิดการค้นหาอีกด้วย
- เริ่มสร้างคอนเทนต์ตามหลักการทำ SEO ที่ถูกต้องเพื่อเพิ่ม Web Structure
เมื่อคุณกำหนด Keyword ให้กับเว็บไซต์ธุรกิจของคุณเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเริ่มสร้างคอนเทนต์คุณภาพให้กับตัวสินค้าหรือธุรกิจคุณ ซึ่งนอกจากบริบทของเนื้อหาที่ต้องเป็นประโยชน์หรือช่วยแก้ปัญหาอะไรบางอย่างให้กับผู้ใช้งานได้แล้ว ก็ต้องเป็นคอนเทนต์ที่มี Keyword หรือคำค้นหาที่คุณได้ตั้งไว้ในตอนแรก เพื่อให้ Search Engine Algorithm หาเว็บไซต์หรือเว็บเพจคุณเจอเมื่อมีการค้นหาเกิดขึ้น
และเมื่อเว็บไซต์ของคุณมีคอนเทนต์มากขึ้น โอกาสที่จะถูก Google ค้นหาเจอก็จะมีมากขึ้นตามมา เพราะมี Keyword ที่หลากหลาย (รวมถึง Web Structer ที่เพิ่มขึ้น) ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ก็จะส่งผลให้จำนวน Traffic ก็เพิ่มขึ้นตามและอาจเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นลูกค้าได้ในที่สุด แถมยังถูกใจ Algorithm ของ Google อีกด้วย
- มี Internal Links ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้
Internal Links หรือลิงก์ที่อยู่ภายในเว็บไซต์ของเรา เป็นเทคนิคการทำ SEO ที่จะใช้ ‘ลิงก์’ ทำหน้าที่เชื่อมโยงจากหน้าเพจหนึ่ง ไปอีกหน้าเพจหนึ่ง เป็นวิธีในการสร้าง Traffic ให้เกิดขึ้นภายในเว็บไซต์ของเรา ทำให้ผู้ที่กดเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ ใช้เวลาอยู่ในเว็บไซต์เราได้นานขึ้น
และทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของเรามีความน่าสนใจ เป็นเว็บไซต์คุณภาพสูง ช่วย สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ชมเว็บไซต์ ส่งผลทำให้ค่า Bounce Rate ลดลง และมีส่วนกับการประเมินผลจัดอันดับเว็บไซต์ของ Google Algortihm
- Backlinks ก็สำคัญไม่แพ้กัน
การสร้าง Backlink คืออีกหนึ่งเทคนิคการทำ Off Page SEO ที่ทำหน้าที่เชื่อมลิงก์จากเว็บไซต์อื่น ๆ ส่งกลับมาหาเว็บไซต์ หรือก็คือเหมือนการที่มีคนพูดถึงเกี่ยวกับเว็บไซต์หรือธุรกิจของเรา และเขาเชื่อมลิงก์จากหน้าเว็บไซต์เขาให้คลิกมายังเว็บไซต์ของตัวเรา
วิธีนี้ช่วยให้ Google ยอมรับว่าเว็บไซต์คุณเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ที่แน่นอนว่ามีผลต่อการจัดอันดับอีกทั้งยังทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักและมีความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น ซึ่งในช่วงแรกที่เว็บไซต์ของคุณเพิ่งเริ่มสร้าง อาจจะใช้วิธีในการหาหรือจ้าง Partner ให้พวกเขาเขียนคอนเทนต์แล้ว Backlink กลับมายังเว็บไซต์คุณก็ทำได้เหมือนกัน
- เข้าใจเรื่อง Tags ต่าง ๆ ในเว็บไซต์
สำหรับการทำ SEO ให้ได้ประสิทธิภาพ ไม่ใช่มีเพียงแค่ Title Tags และ Meta Description Tags เท่านั้นที่มีความสำคัญแต่ยังรวมถึง Tags อื่น ๆ ที่มีผลต่อการทำ SEO เช่น ALT Tags หรือ Tags ที่เป็นเหมือนการติด Keyword ให้กับรูป ช่วยให้เวลามีผู้ใช้งาน Google ค้นหาเว็บไซต์ของคุณผ่านการค้นหาด้วยรูปภาพ (Images)
หรือ Heading Tags ที่ใครที่คลุกคลีกับการทำ Content มาบ้างน่าจะรู้จักดีเพราะนอกจากจะเป็น Tags ที่เอาไว้ลำดับความสำคัญของคอนเทนต์ในหน้าเพจแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของการทำ SEO
โดย Heading Tags มีตั้งแต่ H1-H6 ซึ่งแต่ละอันก็จะมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป เช่น H1 ชื่อบทความ , H2 หัวข้อใหญ่ , H3 หัวข้อย่อย ซึ่งการตั้ง Heading ที่ดีก็จะช่วยให้ Google ทำความเข้าใจเว็บไซต์คุณได้ง่ายและมองว่าเว็บไซต์คุณเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ
7. ทำไมบริษัทรับทำ SEO ที่ดี ถึงต้องมี Report ที่โฟกัสมากกว่าอันดับเว็บไซต์ให้คุณ?
หากคุณกำลังมองหาบริษัทรับทำ SEO ที่มีคุณภาพ สิ่งหนึ่งที่ต้องโฟกัสต้องจากผลงาน และประวัติที่ผ่านมาแล้ว เรื่องของ Report หรือการทำรายงานสรุปผลงาน ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเลือกบริษัทรับทำ SEO ที่จะทำให้คุณได้รู้ว่า ธุรกิจคุณได้ผลลัพธ์อะไรกลับมาบ้างจากการให้บริษัทรับทำ SEO ดูแล
ซึ่ง Report ของบริษัทรับทำ SEO ที่ดีจะต้องมีการสรุปผลด้าน Sessions, Conversions, หรือปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของธุรกิจให้ด้วย ไม่ใช่แค่ส่ง Report ของคีย์เวิร์ดหรือเรื่องอันดับแต่เพียงอย่างเดียว เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นแม้อันดับบนเว็บไซต์จะขยับขึ้นจริง แต่รายได้หรือลูกค้าที่เป็นเหมือนเป้าหมายของการทำธุรกิจกลับไม่เพิ่มขึ้น ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้จริง
และเราอยากแนะนำว่าในปัจจุบันบริษัทรับทำ SEO ที่ดีนั้นจะต้องมี Real-time Dashboard Traffic ในการทำ Data Visualizations ให้ติดตามผลได้อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ดูได้แบบ Real Time 24 ชั่วโมง จะเหมาะสำหรับธุรกิจในยุคที่มีการแข่งขันกันตลอดเวลามากกว่า Report แบบเดิม ๆ ที่รายงานผลเป็นหลักเดือน/ไตรมาส
8. ทำไมการทำ SEO สายดำ ถึงเป็นสิ่งที่คุณควรหลีกเลี่ยง ?
SEO สายดำ (Black Hat) คือเทคนิคการทำ SEO แบบผิดวิธีเป็นเหมือนโกงระบบ Algorithm ของ Google ผ่านการหาช่องโหว่ของ Algorithm ในการไต่อันดับ ผ่านเทคนิคอันแยบยลต่าง ๆ เช่น สร้างเว็บไซต์หลุมขึ้นมาเยอะ ๆ เพื่อติด Backlinks ทำอันดับบน Google ให้ติดเร็วที่สุด หรือใช้โปรแกรมสปินบทความ หรือบางเจ้าก็ Duplicate บทความมาแบบโต้ง ๆ เลยก็มี
และต้องยอมรับว่าในปัจจุบันถ้าใครที่ไม่มีความรู้ด้าน SEO และโชคร้าย ไปเจอบริษัทรับทำ SEO แนวนี้เข้าก็อาจตกเป็นเหยื่อได้ บริษัทเหล่านั้นอาจใช้คำพูดขายฝันมาหลอกคุณว่า ติดอันดับได้เร็วกว่า ถูกกว่า ขั้นตอนน้อยกว่า ซึ่งทั้งหมด บอกได้เลยว่า “ไม่เป็นความจริง”
เพราะปัจจุบัน Google รู้ทันกลโกงเหล่านี้และทำการอัปเกรด Algorithm ในการตรวจสอบความผิดปกติของแต่ละเว็บไซต์ให้ฉลาดขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก จริงอยู่ที่ในอดีตเทคนิคสายดำอาจได้ผล แต่ในปัจจุบันเป็นวิธีที่ล้าหลังไปแล้ว ทันทีที่ Algorithm ตรวจพบความผิดปกติของเว็บไซต์ที่ทำ SEO สายดำ เช่นอาจจับได้ว่า Backlinks ส่วนใหญ่เป็นเว็บไซต์ไม่มีคุณภาพ ทาง Google จะปรับลดอันดับของคุณทันทีหรือขั้นเลวร้ายอาจแบนเว็บไซต์คุณไปเลยก็ได้
ดังนั้นในการหาบริษัทรับทำ SEO ที่ดีควรมองหาบริษัทรับทำ SEO ที่มุ่งเน้นไปที่การทำ SEO เชิงเทคนิค (Technical SEO) หรือการทำ SEO แบบสายขาวที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของ Search Engine จะเหมาะกับการเติบโตของธุรกิจที่สุด
9. ใช้ระยะเวลาในการทำ SEO นานแค่ไหน?
ระยะเวลาในการทำ SEO ที่เริ่มเห็นผลลัพธ์ หรือพูดง่าย ๆ คือให้เว็บไซต์เราติดอันดับต้น ๆ ใน Keyword นั้น ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือนเป็นอย่างต่ำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่น การแข่งขันใน Keyword เดียวกัน, เว็บไซต์คู่แข่งที่ยึดอันดับที่คุณต้องการอยู่, ความแข็งแรงของโครงสร้างเว็บไซต์ หรืออื่น ๆ ซึ่งถ้าปัจจัยเหล่านี้ไม่เอื้ออำนวย ก็ต้องบวกเวลาเพิ่มเข้าไปอีก
แต่อย่าเพิ่งหมดหวัง! เพราะถึงแม้ว่า SEO จะเป็นเรื่องของเทคนิคที่ต้องใช้ระยะเวลานานก็จริง แต่ถ้าคุณใช้บริการบริษัทรับทำ SEO ที่ดีและมีประสบการณ์